5 น้ำตกนครนายก ที่เที่ยวแนวธรรมชาติสวย ๆ ไม่ไกลกรุงเทพ

Posted by Mono on Tuesday, May 26, 2020
เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าฝนแล้ว ช่วงนี้เหมาะแก่การเดินทางไปเที่ยวชมวิวธรรมชาติ วันนี้เราจึงอยากจะมาแชร์ 5 น้ำตกน่าเที่ยวนครนายก ไม่ไกลจากกรุงเทพ

อุทยานวังตะไคร้

1. อุทยานวังตะไคร้ ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก ภายในอุทยานจะมีน้ำตกวังตะไคร้ มีลักษณะน้ำตกชั้นเตี้ยๆ แต่ละชั้นไม่สูงมากนัก มีแก่งหินตลอดลำธาร ช่วยลดความแรงของน้ำ เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ และมีพื้นที่ให้นั่งกินข้าวชมวิวน้ำตกอีกด้วย

น้ำตกเหวนรก

2. น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยมีความสูงทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ด้วยจำนวนน้ำอันมหาศาลตกลงมากระทบด้านล่าง ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วหุบเขา จนได้ชื่อว่า "น้ำตกเหวนรก"

น้ำตกสาริกา

3. น้ำตกสาริกา ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอดๆ ถึง 9 ชั้น โดยชั้นสูงสุดมีความสูงถึง 100 เมตร มีจุดให้ลงเล่นน้ำหลายจุด และมีพื้นที่ให้นั่งกินข้าวริมน้ำตก มีเส้นทางเดินลัดเลาะตลอดลำธารไปจนถึงชั้นที่สูงที่สุด

น้ำตกนางรอง

4. น้ำตกนางรอง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆไม่สูงนัก แต่ละชั้นจะมีจุดให้ลงเล่นน้ำ เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตกนางรองจะไหลเชี่ยวมาก ควรระมัดระวังในการเล่นน้ำช่วงหน้าฝน

น้ำตกช่องลม

5. น้ำตกช่องลม ตั้งอยู่ภายในเขื่อนขุนด่านปราการชล ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก มีลักษณะเป็นน้ำตกชั้นหินเตี้ยๆ อยู่ปากคลองช่องลม ซึ่งเป็นคลองที่จะไหลลงสู่เขื่อนขุนด่านปราการชล น้ำใส สามารถเดินชมวิวน้ำตก ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศเย็นสบาย สามารถเที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า - 5 โมงเย็น ต้องนั่งเรือจากบริเวณที่ทำการเขื่อนเข้าไป เริ่มต้นที่คนละ 200 บาท

ที่มา : Travel KTC World

บริการข้อมูลการเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมอำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยบริการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว จองตั๋วเครื่องบิน จากสายการบินชั้นนำ โปรโมชั่นโรงแรม ที่พัก บริการจองรถเช่าทั่วไทย ราคาพิเศษ ที่ KTC World Travel Service โทร. 02 123 5050

สถานที่ท่องเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี บรรยากาศชิลๆ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ

Posted by Mono on Tuesday, May 12, 2020
สวนผึ้ง อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดราชบุรี มีอากาศที่บริสุทธิ์ เหมาะแก่การพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ  นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ภายในสวนผึ้งยังมีที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง




บ้านหอมเทียน สวนผึ้ง ราชบุรี พื้นที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้ และผลงานจากเทียนหอมสีสันสดใส ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมการทำเทียนในรูปแบบต่างๆ และให้นักท่องเที่ยวสามารถทดลองทำเทียนรูปแบบสวยๆเป็นของตัวเองได้อีกด้วย บรรยากาศภายในอาคารสุดโรแมนติก ถูกประดับประดาไปด้วยเทียนหอมหลากหลายขนาดคละกันไป จนกลายเป็นศิลปะที่สวยงาม พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่อบอวลมาจากการสร้างเปลวไฟเล็กๆ บนเทียนเหล่านั้นช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายแก่ผู้มาเยี่ยมชม และสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม




Coro Field สวนผึ้ง ราชบุรี การท่องเที่ยวแบบเกษตรไลฟ์สไตล์ ที่จะทำให้เวลาของคุณเดินช้าลงในฟาร์มแบบญี่ปุ่น บนพื้นที่กว่า 104 ไร่ ครอบคลุม 5 โซน ทั้ง Coro Cafe ที่จัดจำหน่ายผลิตผลสดๆจากฟาร์ม เพื่อนำมารังสรรค์เป็นเมนูสุขภาพ ดูแลร่างกายของเหล่าแขกผู้มาเยือน หรือในโซนของ Coro House ที่คุณจะได้สนุกไปกับการเดินชมพืชพันธุ์ที่หายากจากทั่วโลก ภายใต้โรงเรือนเพาะชำที่เพาะปลูกพืชทุกชนิด พร้อมชิมเมล่อนสดๆ จากฟาร์ม ใกล้กับโซน Coro Garden ที่จะแปลงโฉมเหล่านักท่องเที่ยวให้กลายเป็นชาวสวน ที่สามารถเดินเก็บผลิตผลต่างๆสดใหม่จากต้นได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีโซน Coro Maket และ Coro Me ที่ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพ หรือทำกิจกรรม DIY ต้นไม้มงคลและสวนขวดแสนน่ารักกลับบ้านได้พร้อมความสุข




The Scenery Vintage Farm สวนผึ้ง ราชบุรี การหาความสุขจากธรรมชาติที่แท้จริง คงต้องเริ่มต้นด้วยการพักผ่อนอย่างมีระดับ และโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ ด้วยความที่เป็นรีสอร์ทท่ามกลางหุบเขากว้างใหญ่ รายล้อมไปด้วยห้องพักสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่กลืนไปกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างลงตัว รวมถึงการพักผ่อนที่เน้นความเป็นส่วนตัว และเปิดโอกาสให้แขกที่มาพักได้ชื่นชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศ สามารถจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ราคาพิเศษ ได้ที่ KTC World

12 สถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ Singapore ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง

Posted by Mono on Tuesday, May 12, 2020
สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าที่สำคัญของโลก มีทั้งตึกที่ทันสมัย โรงแรม 5 ดาวสุดหรู แหล่งช้อปปิ้ง ความบันเทิงมากมายเหนือระดับ สนามบินที่ดีที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกันสิงคโปร์ก็ยังสามารถคงเสน่ห์ของเมืองเก่าทั้งตึก Colonial คลาสสิค ไชน่าทาวน์ ที่พลุกพล่าน และ Little India ที่น่าค้นหาไว้อีกด้วย ในแต่ละปี สิงคโปร์จะมีสถานที่ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ๆ ชวนให้กลับไปเยือนเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายไหน สายช้อป สายกิน สายวัฒนธรรม สายกรีน ตามลายแทงต่อไปนี้ไปสัมผัสประสบการณ์ประทับใจ ถ้าเพื่อนๆที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวสิงคโปร์ อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ก่อนเดินทางสัก 2 เดือนนะครับ


1. ชางฮี (Changi Airport) ก้าวแรกสู่ความศิวิไลซ์เหนือจินตนาการ นวัตกรรมความทันสมัยของสิงคโปร์ มีให้สัมผัสตั้งแต่ก้าวแรกที่สนามบินชางฮี แชมป์สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ชางฮี พึ่งเปิดตัว Terminal 4 ที่สุดทันสมัย ใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมด มีตู้คีออสเช็คอินด้วยตัวเอง ไม่ต้องต่อแถวตรงยาวที่เคาน์เตอร์สายการบิน ช่องโหลดกระเป๋าอัตโนมัติ ฯลฯ โดยใช้ระบบ Fast and Seamless Travel (Fast) ตั้งแต่ประตูสนามบินจนถึงหน้า Gate สนามบินมีความหรูหราพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว มีห้างสรรพสินค้าที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการจับจ่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนอีกทั้งยังมีความบันเทิงหลายรูปแบบให้เลือกเช่นวิดีโอเกมจอทีวีขนาดใหญ่ และโรงภาพยนตร์อีกสองแห่งบริการไวไฟความเร็วสูง จุดชาร์จอุปกรณ์มือถือ และ Gadget เพียบ นอกจากนี้ยังสามารถเลือไปเดินเล่นที่สวนผีเสื้อแห่งแรกของโลกในบริเวณสนามบินได้อีกด้วย ปิดท้ายด้วยบริการร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมายทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารในภูมิภาค และอาหารนานาชาติ ด้วยความสะดวกสบายแบบครบครันทั้งหมดนี้ ไม่แปลกใจที่สนามบินชางฮีจะขึ้นแท่นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง


2. สวนเมอร์ไลอ้อนพาร์ค (Merlion Park) เรียนรู้ความเป็นมาผ่านสิงโตทะเลรูปปั้นเมอร์ไลออนสัตว์ในเทพนิยายที่สวนเมอร์ไลออนพาร์ค ส่วนหัวที่เป็นสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของการค้นพบเกาะสิงคโปร์โดยเจ้าชายซางนิลาอุตามะเคย ตามบันทึกของชาวมลายูหางที่เป็นปลาคือสัญลักษณ์ของเมืองโบราณเทมาเซ็ก หมายความว่า "ทะเล" ในภาษาชวา ซึ่งเป็นชื่อของสิงคโปร์ก่อนที่เจ้าชายนิลาจะมาพบและตั้งชื่อว่า "สิงคปุระ" (หมายความว่าเมืองสิงโต) เมอร์ไลออนสูง 8.6 เมตร หนัก 70 ตันพ่นน้ำออกมาอยู่เสมอ เป็นไอคอนที่นักท่องเที่ยวนับล้าน ๆ มาเยี่ยมเยียนถ่ายรูปด้วยตลอดเวลา


3. Marina Bay Sands ความงามที่ลงตัวของงานวิศวกรรมสถาปัตยกรรม ริมฝั่งทะเลนอกจากเจ้า Merlion แล้วการได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่ Marina Bay Sands ศูนย์รวมธุรกิจ ความบันเทิง ช้อปปิ้ง คือสิ่งที่ต้องห้ามพลาด ตึกริมอ่าวมาริน่าที่มีรูปร่างคล้ายไพ่ 3กอง เป็นฐานรองรับเรือขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนดาดฟ้า เป็นแลนด์มาร์ครูปร่างแปลกตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่เดียวที่รวมทุกสิ่งอันตั้งแต่โรงแรมหรู ศูนย์ประชุม โรงละครที่มีการแสดงระดับโลกตลอดเวลา ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ เล้าจน์ บาร์ ห้างสรรพสินค้า The Shoppes at Marina Bay Sands แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์แฟชั่นทันสมัยจากทั่วทุกมุมโลก Louis Vuitton Maison ในอาคารกระจกกลางน้ำผลงานสถาปนิกระดับโลก Peter Marino และที่พลาดไม่ได้คือ การชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ 360 องศา ที่ Sands Sky Park บนชั้น 57 (ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ S$ 20 - 23 เด็ก S$ 17) และ ชมการแสดงน้ำพุ Wonder Full - Light & Water Spectacular ที่บริเวณหน้า The Shoppes ช่วงค่ำ สองทุ่มเป็นต้นไป นอกจากนี้อย่าลืมแวะชิมร้านบักกุ๊ดเต๋ชื่อดังอย่าง "Ng Ah Sio Bak Kut Teh" ใน Food Center ชั้นใต้ดิน


4. สวนพฤกษศาสตร์ริมอ่าวมารีน่า (Garden By The Bay) อยู่ริมแม่น้ำ โดดเด่นทั้งในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยและแปลกหูแปลกตาอยู่ติดกับเขื่อนเก็บน้ำมาริน่า เป็นแหล่งรวมพืชสวนที่ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วนบนพื้นที่ที่เกิดจากการถมทะเล ประกอบด้วยพื้นที่สองส่วนหลัก คือ Bay South และ Bay East สวนแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจจากกล้วยไม้ จึงได้รับการออกแบบให้ดูคล้าย ดอกแวนด้าที่ชื่อ "มิส โจอาควิม" (Miss Joaquim) ดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ บริเวณ Bay South คือสวนริมน้ำที่ใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้ง ของ Supertrees สวนแนวตั้งสูงเท่าตึก 16 ชั้นที่สามารถเก็บน้ำฝน และ ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์โดยมีทางเดิน OCBC Skyway ยาว 128 เมตร เชื่อมต่อระหว่าง Supertrees มองเห็นวิวสวนและอ่าวงดงาม นอกจากนี้ยังมี FlowerDome และ Cloud Forest Dome อาคารเรือนกระจกปรับอากาศแบบไม่ใช้เสาที่ใหญ่ที่สุดในโลก Flower Dome จำลองภูมิอากาศแบบแห้งและเย็นของภูมิภาคต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนียแอฟริกาใต้ มีพืชพันธุ์มากกว่า 32,000 ต้นจากกว่า 160 ชนิด Cloud Forest Dome มีน้ำตกในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 35 เมตรปกคลุมด้วยกล้วยไม้ เฟิร์น ที่ไม่ควรพลาดคือการแสดงแสงสีเสียง Garden Rhapsody (OCBC Light and Sound Show) ท่ามกลาง Supertrees เปิดแสดง 2 รอบ คือ 19.45 น. และ 20.45 น.



5. ถนนออชาร์ด (Orchard Road) ถนนต้องมนต์ที่เหล่าขาช้อปไม่ควรพลาดถนนออชาร์ด เป็น แหล่ง ช้อปปิ้ง ที่เหล่านักท่องเที่ยวยกให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งระดับโลกที่ดีที่สุดในสิงคโปร์ เพราะมีหลากหลายห้างหรู เช่น ห้าง Ion Orchard ห้าง Singapore Paragon ห้าง Takashimaya ที่อยู่ในศูนย์การค้าใหญ่อย่าง Ngee Ann City พร้อมแบรนด์ชั้นนำระดับ โลกอย่าง H&M, ZARA, Topshop Topman, Gap, Fox Kids & Baby และแบรนด์ดัง ๆ อีก มากมายรวมตัวกันอยู่ภายในถนนเส้นเดียวเท่านั้นนอกจากแบรนด์ช้อปปิ้งชั้นนำแล้วยังมีร้านอาหาร หรูอยู่ภายในห้างต่าง ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าที่ เดียวครบ จบทุกความต้องการของขาช้อปจริงๆ


6. VIVO City ศูนย์กลางของย่านฮาร์เบอร์ ฟรอนท์ (Harbour Front) และเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ครบครันด้วยห้างสรรพสินค้า TANGS มีสถานีรถไฟโมโนเรลที่วิ่งเข้ารีสอร์ทเวิลด์เซนโตซ่าได้เลย ห้างนี้โดนใจคนมีลูกเล็กเพราะมี Toys R us ขนาดใหญ่ ร้านของเล่นมากมาย เด็ก ๆ สามารถสนุกสนานได้ที่สนามเด็กเล่นชั้นสองหรือเล่นน้ำ Sky Park ชั้น 3


7. สิงคโปร์ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) สุดยอดชิงช้าสวรรค์ สถาปัตยกรรม ที่เป็นมากกว่าเพียงเครื่องเล่น Singapore Flyer ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางอ่าวมารีน่าเบย์ในย่านใจกลางเมือง ปัจจุบันถูกบันทึกว่าเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีไฮไลท์คือความสูงที่สร้างความตื่นเต้นให้ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง เมื่อก้าวเข้าไปในแคปซูลปรับอากาศที่มีทั้งหมด 28 แคปซูล ควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางนาน 30 นาทีที่คุณจะได้ชมภาพอันตระการตาทั้งในยามกลางวันและกลางคืน นอกจากจะเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยงามแล้ว ยังสามารถจองห้องอาหาร (capsule) แบบเหมา ที่ปกติจะรับคน 20 - 30 ได้ด้วย และยังมีร้านค้า ร้านอาหารและกิจกรรมต่างๆ ให้ทำอีกหลายอย่างในบริเวณด้านล่างของ Singapore Flyer อีกด้วย


8. ร้าน Hong Kong Soya Sauce Chicken Rice and Noodle Street food ร้านแรกของโลกที่ได้ดาว จาก Michelin Star ตั้งอยู่บนถนน Smith Street ในย่านไชน่าทาวน์ ร้านนี้โด่งดังในเรื่องบะหมี่ไก่อบ เรียกว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อที่สุดของทางร้านเลยก็ว่าได้ ด้วยเนื้อไก่ที่นุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง หนังไก่ก็อร่อย รสเข้มข้นแต่ไม่เค็มจนเกินไป เส้นบะหมี่ไข่เหนียวนุ่มราดน้ำซอส ที่คู่ควรกับรางวัล Michelin 1 Star อย่างแท้จริง ในราคาเพียง 5 $ เท่านั้น ผลลัพธ์คือมีลูกค้าจำนวนมากมาต่อแถวรอชิมกันอย่างยาวเหยียดนั่นเอง


9. Tsuta Ramen ราเม็งร้านแรกของโลก (สาขาโตเกียว) ที่ได้ดาวมิชลิน ที่สิงคโปร์เป็นเพียงสาขาแยกย่อยออกมา แต่อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับกันเลยทีเดียว ที่นั่งภายในร้านไม่ได้มีเยอะมากนัก ออกแบบเป็น counter bar ให้อารมณ์ในแบบฉบับญี่ปุ่นสมัยใหม่ โดยเมนูแนะนำของทางร้านคือ Shoyu Ramen พร้อมหมูชาซู และไข่หนึ่งฟอง ด้วยน้ำซุปที่หวานกลมกล่อมเส้นราเม็งหนึบๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานราเม็งกับโซบะไปพร้อมๆ กัน จึงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักท่องเที่ยว ทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ขอบอกเลยว่าความอร่อยนั้น คุ้มค่าแก่การรอคอยอย่างแน่นอน


10. China Town ย่านเมืองเก่าทรงเสน่ห์ แหล่งรวมวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล เมื่อพูดถึง China town สิงคโปร์เองก็ไม่น้อยหน้าใครตลาดและถนนคนเดินไชน่าทาวน์สิงคโปร์ นั้นจะอยู่ที่ใจกลางเมือง โซนหลักๆจะอยู่บริเวณถนน Pagoda Street แล้วแยกย่อยไปตามซอยต่างๆ ทั้งซ้ายและขวาโดยจะปิดถนนไม่ให้รถวิ่งที่บริเวณ Pagoda Street ร้านค้าจะกระจายตัวกันไปทั่วทั้งบริเวณ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าเล็กๆ โดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านขนมโรงแรม ร้านขายฝากและร้านขายของที่ระลึกพร้อมทั้งร้านอาหารจีนอร่อยๆ ให้ได้เลือกสรรเพียบ และยังถือว่าเป็นย่านที่บรรดา Backpacker โปรดปรานมากที่สุดอีกหนึ่งย่านเลยก็ว่าได้



11. Kampong Glam ย่านที่ครั้งหนึ่งเคยมีชาวมาเลย์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและย่านนี้ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรม และประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจแต่ไฮไลท์ของย่านนี้มุ่งไปที่ ตรอกฮาจิ (Haji Lane) หรือตรอกฮัจญีเป็นถนนช้อปปิ้งสายเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสินค้าแฟชั่นจากร้านค้าและดีไซน์เนอร์อิสระของวัยรุ่นหนุ่มสาวสิงคโปร์ ร้านค้าส่วนใหญ่ขายของพวกเครอื่ งแตง่ กาย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และสินค้าสไตล์วินเทจ แบรนด์ท้องถิ่น งานออกแบบไม่ซ้ำใคร ร้านค้าตึกแถวสไตล์โคโลเนียล 2 ชั้น ตกแต่งทาสีสดใส ภาพกราฟฟิตี้ Street Art หาได้ทั่วไปตามผนังอาคาร บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนในตรอกนี้ได้เป็นอย่างดี ปลายสุดของตรอกฮาจิใกล้กับถนน Beach Road จะมีร้านคาเฟ่ร้านอาหาร และผับสไตล์นั่งเล่น นั่งดื่มชิล ๆไว้บริการอีกด้วย ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งภายในย่าน Kampong Glam เพียงเท่านั้น ยังมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายรออยู่ ใครที่ชอบการแต่งตัวและสีสันที่สวยงามสดใส ขอแนะนำให้ลองมาเยือนย่าน Kampong Glam สักครั้ง


12. Little India ชุมชนสุดเก๋กับวิถีชีวิตอันแสนครึกครื้นความจอแจของคนเดินถนน เสียงแตรรถบีบเร่ง เสียงกริ่งจักรยาน ทำให้ย่านลิตเติ้ลอินเดียในสิงคโปร์คึกคักไม่เป็นรองย่านไหน ๆ ในเกาะ ย่านลิตเติ้ลอินเดีย เป็นอีกหนึ่งย่านเก่าแก่ยอดฮิตของสิงคโปร์ ที่มีสีสันแห่งวัฒนธรรมของชาวอินเดียทำให้นึกว่ากำลังเที่ยวอยู่ในอินเดีย ไม่ใช่สิงคโปร์ โดยมีอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในสไตล์โคโลเนียลถูกนำมาทาสีสด ๆ ให้ดูสวยงามแปลกตายิ่งกว่าย่านไชน่าทาวน์เสียอีก มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายหลากหลายประเภท ทั้งถนนคนเดินช้อปปิ้ง วัดแขกหรือวัดของศาสนาฮินดู ศูนย์อาหารอินเดีย และห้างมุสตาฟา ห้างขายของถูกสุดฮิตของคนไทยที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงตรอกที่ได้รับความนิยมในอดีตซึ่งเคยเป็นตรอกสำหรับซื้อขายวัว - ควายอย่าง Buffalo Road อีกด้วย จากเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ย่านนี้เป็นที่น่าจดจำของนักท่องเที่ยวตลอดมา

เตรียมตัวให้ทำวีซ่าเชงเก้งให้พร้อม ก่อนเที่ยวยุโรป

Posted by avocado on Thursday, May 07, 2020
ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าทวีปยุโรปนั้นมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงามที่ผู้คนส่วนมากฝันอยากจะไปกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สเปน สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เป็นต้น จะเดินทางไปทวีปยุโรปเราจำเป็นต้องทำประการเดินทางด้วยนะซึ่งในปัจจุบันก็มีโปรโมชั่นประกันเดินทางอยู่ให้เลือกมากมาย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้วีซ่าเชงเก้นกันก่อนดีกว่า


วีซ่าเชงเก้นเป็นวีซ่าที่เอาไว้ใช้สำหรับการเดินทางในทวีปยุโรป 26 ประเทศด้วยกันได้แก่ ได้แก่ ลิทัวเนีย มัลตา เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวาเกีย สโลเวเนีย สเปน สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ค เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศษ เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย


เตรียมตัวขอวีซ่าเชงเก้น

1 ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่า คุณต้องมั่นใจแล้วเหมือนกันว่าคุณได้เลือกประเทศที่ถูกต้องในการยื่นขอวีซ่าเชงเก้น เพราะถ้าหากยื่นขอวีซ่าเชงเก้นผิดประเทศ สถานทูตอาจจจะปฏิเสธการออกวีซ่าให้คุณได้

2 หลังจากที่คุณเลือกประเทศที่จะขอวีซ่าเชงเก้น ก็ได้เวลาหาข้อมูลว่าประเทศที่คุณขอวีซ่าเชงเก้นนั้นเขาใช้วิธีใดในการยื่นขอวีซ่า

3 การขอวีซ่าเชงเก้นทุกประเภทจะต้องมีการทำประกันการเดินทางที่มีวงเงินไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโรหรือ 1,500,000 บาท

4 วีซ่าเชงเก้นสามารถยื่นคำร้องขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนการเดินทาง

5 แต่ละช่องทางการยื่นคำร้องขอวีซ่าจะมีขั้นตอนอธิบายบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแต่ละประเทศ คุณสามารถศึกษารายละเอียดทั้งหมดได้ด้วยตนเอง และโดยส่วนใหญ่จะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน



เอกสารการขอวีซ่าเชงเก้น

1 เอกสารคำร้องขอ

2 หนังสือเดินทาง

3 สำเนาเอกสารแสดงตัวตน

4 รูปถ่ายหน้าตรง

 5 ประกันการเดินทาง

6 ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน

7 ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก

8 ใบยืนยันการจองตั๋วรถไฟ รถเช่า

9 เอกสารรับรองการทำงาน ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นพนักงานหรือเป็นเจ้าของกิจการ

10 รายการเดินบัญชีเงินฝาก

11 สลิปเงินเดือน

12 หลักฐานแสดงรายได้ของคู่สมรส (กรณีที่ไม่มีรายได้)

13 หลักฐานแสดงรายได้ของญาติ (กรณีที่ไม่มีรายได้)

14 สูติบัตรและทะเบียนบ้าน (กรณีบุคคลที่อายุไม่เกิน 20 ปี)

15 จดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง (กรณีบุคคลที่อายุไม่เกิน 20 ปี)


16 เอกสารรับรองการศึกษา (กรณีเป็นนักศึกษา)

17 แผนการเดินทาง

18 ใบปะหน้า

ประกันการเดินทาง เรื่องง่าย ๆ ที่คุ้มค่าที่สุด

Posted by avocado on Thursday, May 07, 2020

ประกันการเดินทางเป็นประกันออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวที่ต้องการความคุ้มครองจากการเดินทาง ณ เวลานั้นๆ ที่เราเดินทาง หากคุณเดินทางไปต่างประเทศค่อนข้างบ่อยการทำประกันเดินทางไว้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราอุ่นใจได้ ในปัจจุบันยังมีโปรโมชั่นประกันเดินทางอยู่มากมาย

ถ้าจะพูดถึงโปรโมชั่นประกันเดินทางนั้นก็มีอยู่มากมายจนเหลือเกิน แต่ทั้งนี้แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความกังวลใจของเราว่าเราสบายใจกับประกันรูปแบบไหนมากกว่ากัน พอใจกับแบบไหนมากกว่ากัน

ประกันเดินทางสำคัญหรือไม่? หากคุณต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เป็นนักท่องเที่ยวหรือมีทรัพย์สินที่มีค่าที่ต้องเดินทางไปกับคุณ คุณจำเป็นต้องมีประกันการเดินทางคุ้มครองไว้ หากเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยคุณก็ยังมีประกันเดินทางคุ้มครองคุณอยู่




ซื้อประกันการเดินทางได้ที่ไหนคงต้องแยกออกมาเป็น 2 ประเภทก่อน
1 ซื้อประกันเดินทางกับสายการบิน- เป็นการซื้อผ่านสายการบินโดยอาจจะเป็นแพ็กเกจรวมตั๋วเครื่องบิน หรือโปรโมชั่นต่างๆ การซื้อประกันเดินทางส่วนมากจะคุ้มครองในเรื่องของความล่าช้า ความสูญเสียของสิ่งของ แต่ละสายการบินก็จะแตกต่างกันไป แต่ตามกฎหมายแล้วสายการบินต้องรับผิดชอบหากเกิดความล่าช้าหรือเกิดการยกเลิกเที่ยวบินนั้นอยู่แล้วแต่จะอยู่ในวงเงินที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งนี้การทำประกันเพิ่มเติมจะเป็นเหมือนการขยายวงเงินเพิ่มขึ้นมาจากเดิม
2 ซื้อประกันการเดินทางด้วยตัวเอง- เป็นการซื้อผ่านบริษัทประกันภัยโดยตรง หรือธนาคาร ประกันการเดินทางแบบกลุ่มนี้จะคลุมครองได้หลายอย่างหรืออาจจะมีแพ็กเกจอุบัติเหตุเข้ามาเสริมด้วย หรืออื่นๆก็เป็นไปได้




ประกันเดินทางมีกี่ประเภท?
ประกันเดินทางมีทั้งหมดด้วยกัน 2 ประเภทดังนี้
1 ประกันเดินทางแบบซื้อรายเที่ยว - ประกันการเดินทางตัวนี้จะครอบคลุมเฉพาะครั้งที่เราซื้อในเที่ยวบินนั้นๆ
2 ประกันเดินทางแบบรายปี เป็นประกันการเดินทางที่ครอบคุ้มทั้งปี แต่ทั้งนี้อาจจะมีเงื่อนไขของการครอบคุมเรื่องของครั้ง/เที่ยวบินแตกต่างกันไป

ประกันการเดินทางต่างประเทศคุ้มครองอะไรบ้าง
1 การยกเลิกตั๋วเครื่องบิน เที่ยวบินล่าช้า หรือมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องยกเลิกเที่ยวบิน
ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเช่นเราจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบิน การที่เรามีประกันการเดินทางจะช่วยคุ้มครองการชำระเงินให้กับค่าบริการต่างๆที่เราได้จ่ายไปแล้ว
2 คุ้มครองเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุ
เป็นการคุ้มครองเรื่องการรักษาพยาบาลและอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดบนเครื่องบิน แต่ทั้งนี้แล้วเราต้องตรวจสอบดูเงื่อนไขต่างๆว่ามีวงเงินคุ้มครองอยู่จำนวนเท่าใดคุ้มกับเรามากแค่ไหนด้วย
3 ประกันกระเป๋าเดินทางและทรัพย์สินที่อาจเกิดอาจความเสียหายได้
ความเสียหายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะสมัยนี้คนเดินทางโดยเครื่องบินเป็นจำนวนมาก ฉนั้นแล้วหากเกิดความเสียหายขึ้นมาเราก็สามารถขอเคลมได้เลย

เกาะน้ำแข็งกรีนแลนด์ Greenland ดินแดนน้ำแข็งที่สวยงาม

Posted by Mono on Thursday, April 30, 2020
เกาะน้ำแข็งกรีนแลนด์ (Greenland) เกาะที่ใกล้ชิดขั้วโลกเหนือมากที่สุด ภายใต้การปกครองของประเทศเดนมาร์ก ด้วยสีขาวบริสุทธิ์ใสสะอาดของหิมะที่ขาวโพลนเต็มพื้น ซ่อนสีสันอันสดใสของตัวอาคาร ต้นไม้ และหลังคาบ้านเรือน ทำให้กรีนแลนด์ดูมีเสน่ห์ในอีกรูปแบบหนึ่ง และเพื่อนๆที่กำลังสนใจจะไปเที่ยวกรีนแลนด์ อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้ากันนะครับ

หายสงสัยได้เลยว่าอากาศในดินแดนเหนือสุดของโลกจะหนาวเย็นจับใจแค่ไหน เพราะพื้นที่ในประเทศนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี พื้นที่ส่วนใหญ่จึงทำการเพาะปลูกไม่ได้ ทำให้ที่นี่มีทรัพยากรอย่างจำกัด จนต้องนำเข้าเครื่องอุปโภคบริโภคหลายอย่างจากต่างประเทศ แต่ด้วยจุดเด่นนี้เช่นกันที่ทำให้กรีนแลนด์เป็นประเทศที่ท้าทายเหล่านักเดินทางให้ลองมาผจญภัยในดินแดนอันหนาวเหน็บนี้สักครั้ง

หลายคนฝันถึงการนั่งเรือชมไอซ์เบิร์ก เห็นนกเพนกวิน วอลรัสว่ายอยู่ตามริมชายฝั่งทะเลน้ำแข็ง หรือเห็นวาฬที่ว่ายลอดผ่านใต้ท้องเรือ หรือชมสุนัขลากเลื่อน Snowmobile ฝ่าหิมะปุยหนาที่กองทับถมอยู่ คุณจะได้พบสิ่งเหล่านี้ในการมาเยือนกรีนแลนด์

การรับชมแสงเหนือจากเกาะกรีนแลนด์ของคุณจะเป็นบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในระหว่างเดือนกันยายน - เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่สุดถึง - 40 องศา รวมถึงทุกกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบผจญภัยในกรีนแลนด์จะคึกคักเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวในหุบเขาน้ำแข็งหรือในอุทยาน ขอแนะนำให้ซื้อทัวร์ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ใช้ภาษากรีนแลนด์ การติดต่อสื่อสารอาจติดขัดมีปัญหาได้ ไกด์นำทางจะสามารถช่วยเหลือและดูแลพร้อมให้ข้อมูลคุณได้อย่างดี

แทสเมเนีย Tasmania ท่องเที่ยวออสเตรเลีย สัมผัสธรรมชาติ

Posted by Mono on Thursday, April 30, 2020
แทสเมเนีย เป็นเกาะขนาดใหญ่ อันดับที่ 26 ของโลก โดยมีเมืองโฮบาร์ต เป็นเมืองหลวงของ รัฐแทสเมเนีย ภายในเมืองโฮบาร์ต และเมืองโดยรอบ สามารถ ท่องเที่ยวได้โดยใช้เวลา 3 วัน โดยสถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ และ เป็นไฮไลท์ มีดังนี้ Mt. Wellington ตั้งอยู่ใน Wellington Park เป็นสถานที่ที่นัก trekking ตัวยงนิยมแวะเวียนขึ้นไปอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเส้นทางการเดิน มีตั้งแต่ระดับง่าย จนถึง ระดับยาก บวกกับ สภาพ แวดล้อมระหว่างทางที่มีความสวยงาม นอกจากนี้สำหรับ นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เป็นนัก trekking ก็ยังสามารถขึ้น ไปชมวิว ตัวเมือง โฮบาร์ต บนยอดเขานี้ได้เช่นกัน โดยสามารถขับรถขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ที่เป็น จุดชมวิวได้ 360 องศา เรียกได้ว่า เห็นวิวสวยๆ ทั่วเมืองโฮบาร์ต ได้ที่จุดชมวิวบนยอดเขา Mt. Wellington เพื่อนๆสามารถจองตั๋วเครื่องบิน ราคาประหยัด สะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว ได้ที่ KTC World

เมื่อเรามาแดนจิงโจ้แล้ว เราจะพาทุกท่านมาสัมผัส ใกล้ชิดกับฝูงจิงโจ้ ที่ Bonorong Wildlife Sanctuary นั้นเอง โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสวนสัตว์ที่ขึ้นชื่อ ของเมือง Brighton ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ เมืองโฮบาร์ต สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เราสามารถใกล้ชิดกับจิงโจ้ ที่วิ่งเล่นอยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้ได้แบบใกล้ชิดมากๆ ไม่ว่าจะป้อนอาหาร เกาคาง หรือแม้กระทั่งเซลฟี่กับ จิงโจ้ก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่าจิงโจ้ที่นี้ค่อนข้างเชื่อง กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีสัตว์ต่างๆ ที่เป็นสัตว์ เฉพาะถิ่นที่พบได้ในทวีปออสเตรเลียเท่านั้น ได้แก่ หมีโคอาลา, แทสเมเนียนเดวิล, วาลาบี้ และวอมแบท ขวัญใจเด็กหลายๆ คน



เดินทางลงล่างมาอีกนิดนึง จะพบกับเมืองเล็กๆ บรรยากาศคลาสสิก อย่างเมือง Richmond ที่นี่ เราสามารถเดินเที่ยวชมความคลาสสิกของ Richmond Bridge และ ตัวเมือง ที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในประเทศแถบยุโรป อีกทั้ง Richmond เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านอาหาร และ ไวน์ จึงเหมาะกับการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัวในวันสบายๆ

ทางฝั่งใต้ของเกาะแทสเมเนียที่เมือง Port Arthur การล่องเรือ ชมเกาะ Tasman และ Cape Pillar ถือเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ โดยเรือจะพาชม ความงามของหน้าผาหินที่เรียงตัวสวยงามตามธรรมชาติ เสมือนถูกจัดว่าโดยมนุษย์, Blow Hole หรือ ช่องน้ำพุ, ฝูงแมวน้ำที่นอนเรียงรายตามแนวโขดหิน, ปลาโลมาที่มักว่ายเล่นกับเรือนักท่องเที่ยว, รวมถึงนกทะเลนานาชนิด นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวที่เมืองนี้ยังมีอีกหลายแห่ง ได้แก่ Remarkable cave ถ้ำที่เกิดจากการเซาะของ น้ำทะเลจนทะลุทั้งสองฝากที่น่าประหลาดใจคือ ช่องหินนี้มีรูปร่างคล้ายกับแผนที่ของรัฐแทสเมเนีย ที่เป็นรูปแอปเปิ้ล เมื่อมองลอดผ่านช่องนี้ออกไปจะเห็น ความงามของทะเลสีครามและโขดหินหน้าตาประหลาด เสมือนกับเรามองวิวทะเลลอดผ่านบานหน้าต่างรูปแอปเปิ้ล