เคปทาวน์ Cape Town ที่เที่ยวแอฟริกาใต้ มนต์เสน่ห์ประทับใจไม่รู้ลืม

Posted by Mono on Thursday, April 30, 2020
เคปทาวน์ กำลังฮอตในลิสต์ของเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก ลืมภาพของประเทศ ที่ยังไม่เข้าสู่ความเจริญและเต็มไปด้วยคนผิวดำ เพราะเคปทาวน์มีแง่มุมมากมายชวนให้ สัมผัส ทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของป่าไม้ เกลียวคลื่น และวิวทะเลสวย ๆ ใต้ฟ้าสีคราม ที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงความเจริญของ ตัวเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและความสุนทรีย์ท่ามกลางภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่สบายตลอดปี เพื่อนๆที่กำลังสนใจไปเที่ยวเคปทาวน์ อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้ากันด้วยนะครับ

Cape Town เมืองใหญ่อันดับ 3 เมืองหลวงศูนย์กลาง ของฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศแอฟริกาใต้ ตั้งอยู่ใน เขต Western Cape เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ในจุดหมายปลายทางที่ น่าไปเยือนมากที่สุดในโลก เพราะเสน่ห์ของเมืองที่ รุ่มรวยศิลปะ เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมี สัญลักษณ์ที่โดดเด่นอย่าง ภูเขารูปโต๊ะ (Table Mountain) มรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นภูเขาขนาดใหญ่มี รูปร่างเป็นแท่นคล้ายโต๊ะ ที่พิเศษคือภูเขาลูกนี้สามารถ มองเห็นได้จากทุกจุดไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนในเมือง

คนไทยสามารถเข้าประเทศแอฟริกาใต้เข้าพักได้นาน 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า จากสนามบินเคปทาวน์ สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้โดยรถแท็กซี่ หรือ Shuttle bus ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจากสนามบิน ก็จะมาถึงใจกลางเมืองเคปทาวน์ สถานที่ท่องเที่ยว ของเมืองเริ่มจาก Victoria & Alfred Waterfront แหล่งพักผ่อนย่านช้อปปิ้งและศูนย์รวมความบันเทิง ของเมือง เต็มไปด้วยร้านรวง ตลาด อควาเรียม ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารทั้งยัง อยู่ติดกับบริเวณท่าเรือที่มีเรือยอร์ชสวย ๆ จอดอยู่ มากมาย ที่นี่ยังมีรูปปั้นของบุคคลที่มีชื่อเสียงชาว แอฟริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบล หนึ่งในนั้นคือ เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คนที่ 1 นักต่อต้านการเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้ อีกไฮไลท์ สำคัญของที่นี่คงหนีไม่พ้นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นแลนด์มาร์คของเมืองให้ได้ใช้ บริการขึ้นไปชมวิวสวย ๆ ที่มี Table Mountain เป็น ฉากหลังสวยงาม

จุดหนึ่งที่ต้องมาเยือนก็คือ Sea Point ด้วยวิวทะเลแบบ พาโนราม่าสวย ๆ เหมาะแก่การมาชมพระอาทิตย์ขึ้นใน ตอนเช้า หรือชื่นชมความสวยงามกับแสงสุดท้ายของวัน ถนนบริเวณนี้ยังเป็นที่นิยมของเหล่านักวิ่งอีกด้วย ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาทำกิจกรรมผ่อนคลาย ทั้งการปิกนิกในช่วงที่อากาศเย็น เดินเล่นสูดอากาศ บริสุทธิ์ หรือจะว่ายน้ำเล่นก็ทำได้ที่นี่เช่นกัน และยังมี สวนสาธารณะ "Green Point Park" ที่มีบริเวณกว้าง ขวางและโล่ง เหมาะกับการออกกำลังกายของชาวเมือง

อีกจุดห้ามพลาดเลยของเมืองเคปทาวน์นั้นคงหนีไม่พ้น Seal Island หรือ เกาะแมวน้ำที่มีชื่อเสียง นั่นเอง การเดินทางสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ขาย ทัวร์ที่ท่าเรือได้เลย ซึ่งมีหลายเจ้าให้เลือก และควรรีบจองเพราะทัวร์นี้ในแต่ละวันจะเต็มไวมาก เนื่องจากทัวร์ไปเกาะแมวน้ำเป็นเป้าหมายของเหล่า นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ค่าเรืออยู่ที่ราคา 75 แรนด์ ต่อคน หรือ ประมาณ 200 บาท เรือจะใช้เวลา ประมาณครึ่งชั่วโมงในการเดินทางไปถึงเกาะแมวน้ำ เมื่อเข้าใกล้เกาะจะพบแมวน้ำมากมายทั้งบนบกและ ในน้ำ เรือจะจอดให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน กับการชื่นชมแมวน้ำสุดน่ารักประมาณ 20 นาที ก่อนที่เรือจะพาทุกคนกลับไปยังฝั่งของเมือง

ชายหาด Boulders Beach ซึ่งอยู่ระหว่างหุบเขา หินแกรนิตที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทร Peninsula ใกล้กับ Cape Town นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำทะเลสวยใสยังเป็นบ้านของนกเพนกวินตัวน้อยที่อาศัยอยู่ทั่วชายหาดนักท่องเที่ยวสามารถเล่นกับนกเพนกวินน่ารักได้อย่างใกล้ชิด Boulders Beach หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า บ้านชายหาด (The Beach Home) เป็นส่วนหนึ่งของ Table Mountain National Park ต้องเสียค่าเข้าชม เพื่อนำไปพัฒนาและอนุรักษ์นกเพนกวินแอฟริกันที่ใกล้ สูญพันธุ์ ถือเป็นอีกหนึ่งชายหาดที่ควรค่าแก่การมาเยือน

ปิดท้ายการชมเมืองด้วยการไปชื่นชมความสวยงาม ในมุมสูงที่แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์ของเมืองเคปทาวน์มาช้านาน เรื่อง ราวที่มาของชื่อ Good Hope นั้นเกิดจากการที่เรือสินค้า จากยุโรปจะต้องเดินทางมาอ้อมที่แหลมแห่งนี้เพื่อเดิน ทางต่อไปยังเอเชีย ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ มักเกิดเหตุเรืออัปปางอยู่บ่อยครั้ง ภายหลังจึงได้เปลี่ยน ชื่อจาก Cape of strom ไปเป็น Cape of good hope เพื่อความเป็นสิริมงคล บริเวณนี้เต็มไปด้วยความ สวยงามทางธรรมชาติในภูมิประเทศแบบเกาะ คุณจะได้พบกับพืชและสัตว์ที่แปลกตาน่าตื่นเต้น ถัดไปอีก บนยอดเขา เป็นที่ตั้งของ Cape Point ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Table Mountain National Park ด้านบนมีประภาคาร ที่สามารถชมวิวของแหลมกู๊ดโฮปได้อย่างเต็มตา สวยงาม ค่าเข้าประมาณคนละ 110 แรนด์ หรือประมาณ 300 บาทไทย หากได้ลองชมวิวพระอาทิตย์ตก ท่ามกลาง ความเวิ้งว้างของวิวทะเล ที่ Cape of good hope แห่ง นี้สักครั้ง รับรองได้ว่าจะต้องเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม